บทความ

ลีโอจิเนลลา

14/05/2025

ความชื้นในถังเก็บน้ำ: จุดเริ่มต้นของเชื้อโรคที่มองไม่เห็น

เชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ เช่น เชื้อราและแบคทีเรีย สามารถเจริญเติบโตได้ หากอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีความเหมาะสม ซึ่งประกอบด้วยสามปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความชื้น อาหารของเชื้อโรค และอุณหภูมิที่เอื้อต่อการเติบโต

น้ำที่อยู่ในถังเก็บน้ำหรือในระบบประปาซึ่งมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา หากมีฝุ่น กากตะกอน หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่สามารถเป็นแหล่งอาหารของเชื้อโรคได้ ก็อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของจุลินทรีย์ต่าง ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว เชื้อโรคเหล่านี้อาจขยายตัวและแพร่กระจายภายในระบบน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการใช้น้ำร่วมกันในอาคารหรือสถานประกอบการต่าง ๆ

โรคลิเจียนแนร์ (Legionella): อันตรายจากละอองน้ำที่ปนเปื้อน

โรคลิเจียนแนร์ (Legionella) คือโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียในกลุ่มลีจิโอเนลลา ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการเฉียบพลันในทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน โรคไต หรือผู้ที่มีภาวะมะเร็ง

การติดเชื้อมักเกิดจากการหายใจเอาละอองน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย หรือในบางกรณีอาจเกิดจากการดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคเข้าสู่ปากโดยตรง ซึ่งน้ำที่ไม่สะอาดและไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เช่น น้ำในถังเก็บน้ำหรือน้ำที่ไหลผ่านระบบท่อที่มีตะกอนสะสม ก็อาจเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อโรคชนิดนี้ได้โดยไม่รู้ตัว

ด้วยเหตุนี้ การดูแลรักษาความสะอาดของถังเก็บน้ำและระบบประปาในอาคารจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงแต่เพื่อสุขอนามัยของผู้ใช้น้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากโรคติดต่อที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของทุกคนในระยะยาว

การกำจัดเชื้อโรคในระบบน้ำ: แนวทางป้องกันเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้น้ำ

ระบบน้ำประปา ระบบน้ำดื่ม และระบบน้ำในสระว่ายน้ำ
เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับ ความชื้น และการไหลเวียนของน้ำโดยตรง ซึ่งหากขาดการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค โดยเฉพาะ เชื้อแบคทีเรียในกลุ่มลีจิโอเนลลา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคลิเจียนแนร์ โรคอันตรายที่สามารถแพร่กระจายผ่าน ละอองน้ำที่ปนเปื้อน และส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

แนวทางเบื้องต้นของการกำจัดเชื้อโรคในระบบน้ำ คือ การกำจัดทางกายภาพ เช่น การล้างด้วยน้ำแรงดันสูงเพื่ออัดเอาสิ่งปนเปื้อนออกจากระบบ แต่การใช้แรงทางกลอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่แคบหรือจุดอับได้ทุกจุด ดังนั้น การใช้สารเคมีเพื่อฆ่าเชื้อ จึงเข้ามาเติมเต็มกระบวนการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ประเภทของสารชีวฆาต (Biocide)

1. สารฆ่าเชื้อแบบออกซิไดซ์ (Oxidizing Biocides)
สารประเภทนี้จะออกฤทธิ์โดยการดึงอิเล็กตรอนจากสิ่งมีชีวิตเพื่อเข้าสู่สมดุลใหม่ อ้างอิงจากงานวิจัย Effects of Three Oxidizing Biocides on Legionella pneumophila โดย ASM พบว่ามีการใช้สารออกซิไดซ์ 3 ชนิด ได้แก่

  • คลอรีนอิสระ ประมาณ 3 mg/L
  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่ความเข้มข้น 3%
  • โอโซน ที่ความเข้มข้น 0.1–0.3 mg/L

ตามมาตรฐาน Code of Practice for Fresh Water Cooling Tower 2016 ของ EMSD ฮ่องกง ยังแนะนำให้ใช้สารออกซิไดซ์อื่น ๆ เช่น
คลอรีน 2–20 mg/L, คลอรีนไดออกไซด์ 0.1–5 mg/L, โซเดียมโบรไมด์, สารประกอบไอโอดีน, โอโซน 1–5 mg/L, โซเดียมไฮโปคลอไรท์ 1–3 mg/L, และ แคลเซียมไฮโปคลอไรท์

2. สารฆ่าเชื้อแบบไม่ออกซิไดซ์ (Non-Oxidizing Biocides)
กลุ่มนี้จะทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ที่เป็นโปรตีนหรือไขมันของเชื้อ เช่น

  • Quaternary Ammonium Chloride (QUATS) 5–10 mg/L
  • คาร์บาแมท 12–18 mg/L
  • Isothiazolines 0.5–2 mg/L
  • Glutaraldehyde 45–56 mg/L

แนวทางการกำจัดเชื้อโรคในระบบต่าง ๆ

การกำจัดเชื้อในระบบน้ำใช้
ควรถ่ายน้ำเก่าทิ้งโดยการเปิดน้ำที่ปลายท่อทุกจุดภายในอาคาร เพื่อไล่น้ำค้างท่อและตะกรันออก แล้วจึงทำความสะอาด ถังเก็บน้ำด้วยน้ำแรงดันสูง ร่วมกับ สารออกซิไดซ์ เพื่อฆ่าเชื้อ จากนั้นเติมน้ำใหม่พร้อมคลอรีนให้มี คลอรีนอิสระไม่น้อยกว่า 1 mg/L ตามเกณฑ์ของ กปน. จุดเสี่ยงอย่าง หัวก๊อก ฝักบัว สายชำระ ควรถอดจุ่มในสารออกซิไดซ์เพื่อฆ่าเชื้อเพิ่มเติม

การกำจัดเชื้อในระบบน้ำอุ่นรวม
เชื้อโรคลิเจียนแนร์เจริญเติบโตได้ดีในช่วงอุณหภูมิ 35–55°C ดังนั้นจึงควรต้มน้ำในถังเก็บน้ำอุ่นให้สูงกว่า 60°C แล้วปล่อยน้ำเก่าทิ้ง เติมน้ำใหม่รอบแรกพร้อม สารออกซิไดซ์ ทิ้งไว้ก่อนปล่อยออก แล้วเติมน้ำรอบสองพร้อม สารชีวฆาตแบบไม่ออกซิไดซ์ และปล่อยทิ้งก่อนใช้งานจริง สำหรับระบบน้ำอุ่นแบบแยกห้อง ควร เปิดน้ำร้อนสูงสุดและล้างระบบหลายรอบ พร้อมเติมคลอรีนที่ถังเก็บน้ำของอาคาร

การกำจัดเชื้อในสระว่ายน้ำหรือน้ำพุ
ให้ถ่ายน้ำเก่าทิ้งออกทั้งหมด เติมน้ำใหม่พร้อมควบคุม คลอรีนอิสระให้อยู่ที่ 1–2 ppm และควบคุมค่า pH ให้อยู่ระหว่าง 7.2–7.8

การกำจัดเชื้อในระบบน้ำดื่ม
ในกรณีเป็นถังน้ำคว่ำ ควรเทน้ำเก่าทิ้ง เติมน้ำใหม่ผสม สารออกซิไดซ์ แล้วปล่อยน้ำผ่านก๊อกเล็กน้อย เพื่อให้น้ำที่มีสารอยู่ในระบบ ทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงก่อนปล่อยทิ้งทั้งหมด สำหรับระบบกรอง ควร ตรวจสอบและเปลี่ยนไส้กรองทุกชิ้น โดยเฉพาะแมมเบรน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

บทสรุปและข้อแนะนำสำคัญ

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคในระบบน้ำ คือการถ่ายน้ำเก่าทิ้ง ทำความสะอาดด้วยแรงดันน้ำและสารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นจึง เติมน้ำใหม่คุณภาพดี พร้อมตรวจวัดค่าคลอรีนและคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในระบบที่เกี่ยวข้องกับ การดื่ม การประกอบอาหาร การชำระล้างร่างกาย และการสัมผัสโดยตรง

บริษัท เค-วิซ โซลูชั่น จำกัด
ได้พัฒนาและออกแบบขั้นตอนการล้างถังเก็บน้ำ รวมถึงกระบวนการฆ่าเชื้อในระบบน้ำอย่างครบวงจร
เพื่อรองรับการใช้น้ำอย่างปลอดภัยในบ้านพัก อาคารสูง โรงงาน หรือสถานที่สาธารณะ

สนใจบริการล้างถังเก็บน้ำ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อ HOTLINE: 081-467-3826
หรือ อีเมล: sale@k-wiz.co.th

อ้างอิง

  1. NCBI National Center for Biotechnology Information
  2. Electrical and Mechanical Services Department (Hong Kong SAR)
  3. กิตติคุณ คชเสนี, “Best Practice: การบริหารอาคารในสถานการณ์โรคติดต่อ ตอน: กำจัดแหล่งโรคลิเจียนแนร์ในระบบน้ำ”, เผยแพร่ผ่าน Facebook Page: Thailand Facility Management Association (TFMA)

บทความน่าสนใจอื่น ๆ

รายหลัก รวมทั้ง สำนักสุขาภิบาลอาหาร และ น้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้คำแนะนำกับผู้ใช้น้ำว่าควรต้องทำการล้างถังเก็บน้ำประปาทุก 6 เดือน หรือ ปีละ 2 ครั้ง ซึ่ง รายละเอียดขั้นตอนงานล้างถังเก็บน้ำ ตาม ที่ทางการประปาแนะนำ มีดังนี้
14/05/2025
อุปกรณ์ระบบประปาอาคารที่เกี่ยวข้องกับงานล้างถังเก็บน้ำอาคารสูง งานล้างถังเก็บน้ำไม่ว่าจะเป็นสำหรับถังเก็บน้ำขนาดเล็กในบ้านพักอาศัย หรือ ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ในอาคารสูง จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับระบบประปาภายในอาคาร
14/05/2025
วันที่ 11 มีนาคมเป็นวันประปาโลก เนื่องจากสภาประปาโลกได้กำหนดขึ้น ในปี 2010 มันอาจเป็นเรื่องที่หลายๆคนได้มองข้ามไป แต่อย่างไรก็ตามจัดได้เลยว่ามันมีความสำคัญต่อสุขภาพและความปลอดภัยต่อประชาชนเป็นอย่างมาก
14/05/2025
การทำงานในพื้นที่อับอากาศ พื้นที่อับอากาศ หรือ Confined space คือ ที่ซึ่งมีทางเข้าออกจำกัด และ มีการระบายอากาศไม่เพียงพอที่จะทำให้อากาศภายในอยู่ในสภาพถูกสุขลักษณะและปลอดภัย รวมทั้งไม่ได้ออกแบบไว้เป็นสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เช่น อุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน
14/05/2025
เชื้อโรค หรือ จุลินทรีย์ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย สามารถเจริญเติบโตได้ ถ้าอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีความเหมาะสมของปัจจัย 3 ประการอันได้แก่ ความชื้น อาหาร(ของเชื้อโรค) และ อุณหภูมิ ซึ่งน้ำในถังเก็บน้ำหรือในระบบประปา
14/05/2025
เป็นคำถามที่หลายๆคนสงสัย ถ้าไม่เคย ประสบปัญหา น้ำประปา ขุ่น มีสี มีกลิ่น ที่ผิดไปจากปรกติ จะมีน้อยคนที่ได้เข้าไปเปิด ฝาถังเก็บน้ำ เพื่อตรวจสอบสภาพน้ำภายในถังเก็บน้ำ  สาเหตุที่ภายในถังเก็บน้ำอาจจะสกปรก แต่ผู้ใช้น้ำ ไม่พบปัญหา เนื่องจาก ท่อดูดน้ำที่อยู่ภายในถัง จะอยู่สูงกว่าพื้น หรือ ก้นถัง ในระดับหนึ่ง ซึ่งตะกอน หรือ สิ่งสกปรก มักจะจมอยู่ก้นถัง  ซึ่งเมื่อปั๊มทำการดูดน้ำ เพื่อส่งออกไปยังจุดใช้น้ำ ก็จะไม่ได้ดูดตะกอนก้นถังไปด้วย (แต่ถ้าสิ่งแปลกปลอมลอยน้ำ ก็มักจะลอยอยู่ผิวน้ำ ไม่ถูกดูดไปในระบบด้วยเช่นกัน) ซึ่งผู้ใช้น้ำจะไม่ทราบว่าน้ำที่ออกมาถึงแม้จะดูใส แต่อาจจะมีค่าปนเปื้อนเนื่องจากตะกอน หรือ สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในถัง ในรูปแบบสารแขวนลอย ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า  ปรกติ บ้านพักอาศัย มักจะมีถังเก็บน้ำ เพื่อสำรองน้ำให้เพียงพอ เนื่องจากในบางพื้นที่ แรงดันน้ำที่ถูกส่งมาตามเส้นท่อจากผู้ผลิตอาจมีไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถจ่ายน้ำได้ทันต่อการใช้งาน และ สำหรับอาคารขนาดใหญ่ เช่น โรงแรม, โรงพยาบาล, อาคารสำนักงาน, มหาวิทยาลัย, คอนโดมิเนียม, ห้างสรรพสินค้า, โรงงานอุตสาหกรรม ยิ่งต้องมีถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อสำรองน้ำให้เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะมีปริมาณการใช้น้ำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งพร้อมกันจำนวนมาก
29/04/2025